คณะเดินทาง สุประดิษฐ์ ทรัพย์พลับ,พี่ปัญญา พูพะเนียด
และเล็กคุง ศิโรตม์ ภินันรัชธร ส่วนคนถ่ายภาพมนัสศักดิ์
เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอย่างVIp
โดยความอนุเคราะห์ของ คุณกิติพงษ์(พี่เจี๊ยบ) เกิดฤทธิ์
มุ่งสู่สนามบินเมืองเชนไน ใช้เวลาบินประมาณ 3ชั่วโมง ถึงก็ดึกมากแล้วจะนอนที่เชนไนก็เปลืองค่าโรงแรม
แล้วอีกอย่างหนึ่งถ้านอนสนามบินคงไม่ปลอดภัย มีทหาร บังเกอร์ ปืนกล อาวุธหนัก ยังกับอยู่ในสงคราม
เราเลยตัดสินใจเช่า“ริกชอว์”หนีไปเมืองมัลลปุลัม ใช้เวลาต่อราคาประมาณ 1 ช.ม เหลือราคา 1,200 รูปี
(โดนหลอกเป็นครั้งแรกที่เจอแขก เพราะราคาจริงอยู่ที่ประมาณ 500 รูปี)ถึงมัลลปุลัม ประมาณตี 2 ใช้หาเกตเฮาส์ที่นอนราคาถูก อีก 1 ชม.เพราะแขกหลับหมดแล้ว ฉนั้นต้องปลุกด้วยเสียงแตรปีศาจ
บรรยากาศจากหน้าห้องพัก
คุณป้าขายพวงมาลัยหน้าวิหารในยามเช้า
ชาวม้ลลปุลัมเล่นนำทะเลในตอนเช้า ราว 07.00 น
สาวน้อยคนนี้เธอไม่สนใจน้ำทะเล บูชาศิวะลึงค์ดีกว่า
ทะเลยามเช้าหลังวิหาร เมืองมัลลปุลัม
วิหารชอร์(Shore Temple)เมืองมัลลปุลัม ในอดีตเป็นเมืองท่าการค้าที่สำคัญของกษัตริย์ในราชวงศ์ปัลลวะ
ซึ่งวิหารหลังนี้น่าจะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ
เล็กคุงกำลังสนใจเรือไม้ของชาวมัลลปุลัม
เรือประมงที่ยอดนิยม
เธอคนนี้ทำความสะอาดหน้าบ้านเสร็จแล้วจึงเขียนลายมงคลที่หน้าประตูทางเข้า
ทุกวันในตอนเช้าเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของคนในครอบครัว
รถเก็บขยะในตอนเช้า พนักงานทำความสะอาดส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง
ในตอนเช้าคนส่วนใหญ่จะนำภาชนะทุกชนิดมาเก็บน้ำ
เพราะน้ำประปาที่นี่ ปล่อยน้ำเป็นเวลา
ภาพสลักเล่าเรื่องพระแม่คงคา สันนิฐานว่าน่าจะเป็นตอนที่เชิญพระแม่คงคาลงมาจากสวรรค์
กินนรนางนี้กำเล่นดนตรีวีณา ชนิดหนึ่งชื่อว่า "เอกตันตริกะ"
ซึ่งเหมือนกับภาพปูนปั้นที่พบที่เจดีย์จุลประโทน นครปฐมเป็นอย่างมาก
คุณสุกร..อุ๋ย ขอโทษ..นายสุประดิษฐ์ กับ กฤษณะ บอล (Krishna's Butterball)
ใครใหญ่กว่ากัน
เดินเที่ยวไม่ไหวแล้วเช่าจักรยานดีกว่า
ค่าเช่าวันละ 40 Rs