วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จากเมืองท่า สู่เมืองหลวง ของราชวงศ์ปัลลวะ

จากมัลลปุลัม สู่กาญจีปุลัม
               เราเที่ยวในมัลลปุลัมจนหมดแล้วมีทั้งต้องปีนรั้วเข้าไปดู ปั่นจักรยานหลงเข้าไปบ้างคิดว่าน่าจะหมดแล้วจึงออกเดินทางต่อไปที่เมืองหลวงของราชวงศ์ปัลลวะกันต่อ คือเมืองกาญจีปุลัมที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก ในแรกเราคิดกันว่าจะนั่งรถโดยสาร แต่พอไปถึงบัสสเตนส์ ต้องเปลี่ยนใจเพราะคนแน่นมากๆ จึงไปหาเช่าแท็กซี่ เราตกลงราคากันได้ที่ 800 Rs ได้ฤกษ์ผจญภัยตอนเที่ยงไปถึงกาญจีปุลัมประมาณ18.00 น.

พาหนะที่นำเราสู่กาญจีปุลัม โดยชายในชุดดำเป็นสารถี


สภาพตลอดเส้นทาง เป็นทุ่งนา ป่าตาล สลับบ้านคนตามวิถีชนบทอินเดีย


หนุ่มน้อยกับหม้อน้ำ
 
บนท้องถนนเมืองกาญจีปุลัม ด้านหลังเป็นภาพการชุมนุมประท้วง

การต่อรองราคากับ"ริกเซอร์"เพื่อไปวัดไกรราชสนะ
(Kailasnatha Temple)

เมืองกาญจีปุลัม นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการปกครองของราชวงศ์ปัลลวะแล้วยังเคยเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในอินเดียใต้ มีพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงมากในอดีตคือ ท่านโพธิธรรม ซึ่งนำพระพุทธศาสนาไปเผยแพร่ในประจีน ที่เรารู้จักกันในนามท่านปรมาจารย์ "ตักม้อ"  ผู้ให้กำเนิดวิชามวยของ “วัดเส้าหลิน” อันมีชื่อเสียงโด่งดัง ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมอันเลื่องชื่ออีกด้วย

พี่ปัญญาที่หน้าวัดไกรราชสนะ(Kailasnatha Temple)

วัดไกรราชสนะ(Kailasnatha Temple) เดิมเคยเป็นศาสนสถานของชาวพุทธมาก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นศาสนสถานของชาวฮินดู เป็นต้นแบบให้กับงานศิลปกรรมในชวา,เขมร และประเทศไทย

                                      
เสาระเบียงคตรอบปรางค์ประธานKailasnatha Temple
                                              เป็นรูปสิงห์มีเขามีปีกคล้ายกับศิลปะทวารวดี
เสาหลอกปรางค์ประธานKailasnatha Temple
              ก็เป็นรูปสิงห์มีเขามีปีกคล้ายกับศิลปะทวารวดีเช่นเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น